ทำความรู้จักโปรแกรม Hide My Ass! Pro VPN

Hide My Ass! Pro VPN ถ้าคุณคิดที่จะล่องหนบนโลกออนไลน์ นี้เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คลิกเพื่ออ่านความสามารถขอโปรแกรมนี้กันเลย..

ทำความรู้จักโปรแกรม Hide My Ass! Pro VPN

Hide My Ass! Pro VPN ถ้าคุณคิดที่จะล่องหนบนโลกออนไลน์ นี้เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คลิกเพื่ออ่านความสามารถขอโปรแกรมนี้กันเลย..

ทำความรู้จักโปรแกรม Hide My Ass! Pro VPN

Hide My Ass! Pro VPN ถ้าคุณคิดที่จะล่องหนบนโลกออนไลน์ นี้เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คลิกเพื่ออ่านความสามารถขอโปรแกรมนี้กันเลย..

ทำความรู้จักโปรแกรม Hide My Ass! Pro VPN

Hide My Ass! Pro VPN ถ้าคุณคิดที่จะล่องหนบนโลกออนไลน์ นี้เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คลิกเพื่ออ่านความสามารถขอโปรแกรมนี้กันเลย..

ทำความรู้จักโปรแกรม Hide My Ass! Pro VPN

Hide My Ass! Pro VPN ถ้าคุณคิดที่จะล่องหนบนโลกออนไลน์ นี้เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คลิกเพื่ออ่านความสามารถขอโปรแกรมนี้กันเลย..

Labels:

ขั้นตอนการซื้อ Hide My Ass! Pro VPN

การสั่งซื้อ VPN ของ hidemyass นั้นไม่ได้ยุ่งยากอะไร สำหรับคนไทยสิ่งที่ต้องเตรียมไว้สำหรับการชำระเงินค่าซื้อเวลาในการเข้าใช้บริการนั้นมี 2 อย่างที่ใช้ได้คือ Paypal หรือ บัตรเครดิต ที่น่าจะมีกันทุกคน แต่สำหรับใครที่มี Google Checkout, Dalpay, Alertpay หรือ Liberty Reserve ก็สามารถใช้มาซื้อได้เช่นกัน แต่สำหรับตัวอย่างที่จะยกตัวอย่างกันให้ดูนั้น เป็นการชำระเงินโดยใช้ Paypal โดยมีขั้นตอนดังนี้..

ขั้นตอนการซื้อ Hide My Ass! Pro VPN

1.ขั้นตอนที่หนึ่ง เริ่มเข้าหน้าเว็บ hidemyass.com จากนั้นก็คลิกที่เมนู Pro VPN หรือเลือกบนหน้าเว็บไซต์ Order Now  เพื่อสั่งซื้อ

2.ขั้นตอนที่สอง กรอกข้อมูลสำหรับเข้าสุ่ระบบและใช้งานโปรแกรม VPN เมื่อสั่งซื้อเสร็จจะใช้ข้อมูลในส่วนนี้ใช้งานตลอด โดยกรอกข้อมูลดังนี้
- Username : ชื่อผู้ใช้งาน
- Email : ใช้สำหรับข้อมูลและแจ้งยอดชำระเงินต่างๆ
- Password : รหัสผ่านที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบและใช้งานโปรแกรม
-

กรอกข้อมูลสั่งซื้อ VPN
3.ขั้นตอนที่สาม เลือกระยะเวลาการใช้งานที่ต้องการ โดยทาง hidemyass มีโปรโมชั่นถ้าซื้อ 6 เดือนจะตกเดือนละ $8.33 ประหยัดถึง 27% กันเลยทีเดียว แต่ถ้าเลือก 1 ปี ยิ่งถูกกว่าอีก โดยจะได้ใช้ในราคาต่อเดือนเพียง $6.55 เท่านั้น ประหยัดมากถึง 43% คุ้มสุดๆ --- ในส่วนนี้เลือกตามต้องการและเลือกช่องทางการชำระเงินได้ผ่าน 4 ช่องทางที่มีให้ ในที่นี้ยกตัวอย่างการชำระเงินผ่าน Paypal แล้ว เมื่อกเลือกข้อมูลจนครบแล้วก็กด Checkout  ได้เลย

สั่งซื้อ VPN ซ่อนไอพีเข้าเว็บ

จากนั้นให้ ก็ทำรายการชำระเงินโดย Paypal โดนกรอกข้อมูล User และ Password ของ Paypal เพื่อจ่ายเงินค่าบริการตามขั้นตอน

4.ขั้นตอนที่สี่ เมื่อชำระเงินแล้วจะมี Email แจ้งรายละเอียดบัญชีผู้ใช้งานของคุณโดยมีรายละเอียดดังนี้

Email รายละเอียด VPN

และมีจะมีอีพหนึ่ง Email แจ้งว่ายินดีต้อนรับเข้าใช้งาน VPN และขอบคุณสำหรับการสั่งซื้อ โดยมีรายละเอียดดังนี้

รายละเอียดข้อมูล VPN

5.ขั้นตอนที่ห้า ให้เข้าสู่ระบบแล้วใช้ Username และ Password ที่ได้สมัครไว้ เพื่อเข้าไปดาวโหลดและเข้าใช้งานโปรแกรม VPN

เข้าสู่ระบบ VPN

6.ขั้นตอนที่หก เมื่อเข้าสู่ระบบไปแล้วระบบจะแจ้งสถานะการใช้งาน จำนวนวันที่เหลือและการชำระเงินล่าสุด และให้มอง Menu ทางด้านขวามือจะมี Link ที่เขียนว่า Download Software ได้เลย

ดาวโหลดโปรแกรม VPN

ทั้งนี้เมื่อคลิกไปแล้วจะมีโปรแกรมสำหรับใช้งานได้หลาย OS มีทั้ง Windows, Mac หรือแม้กระทั้ง Linux โดยเลือกโหลดแล้วนำไปติดตั้งได้กันตามใช้ตามต้องการได้เลย ในที่นี้ขอยกตัวอย่างการใช้งานสำหรับ Windows

โปรแกรม VPN สำหรับ Windows, Mac, Linux

7.ขั้นตอนที่เจ็ด เมื่อดาวโหลดโปรแกรม VPN มาแล้วให้ติดตั้งบนเครื่องตามปกติ เหมือนติดตั้งโปรแกรมทั่วไป และเมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้วให้เปิดโปรแกรมขั้นมาและใช้ Username และ Password แล้วคลิกที่ปุ่ม Connect to VPN เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่าน VPN ได้ทันที

การใช้งาน VPN

เพียงแค่นี้ก็สามารถเริ่มใช้งาน VPN ได้แล้ว โดยทั้งนี้ยังมีข้อมูลเชิงลึกและรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับโปรแกรมอีกมายมาย ไม่ว่าจะเป็น
  • การใช้งานเบื้องต้น
  • รายละเอียด Connection Log
  • การเลือก Protocal
  • การเลือกประเทศที่จะให้ IP 
  • การตั้งค่า Restart IP ตามกำหนดเวลา
  • การกำหนด/การเลือกเฉพาะโปรแกรม VPN ให้ใช้สำหรับเชื่อมต่อผ่าน VPN
  • การเชื่อมต่อผ่าน Proxy 
  • เทคนิคอื่นๆในเชิงลึกจากผู้ใช้งานจริงอื่นๆอีกมากมาย เช่น การตั้ง VPN สำหรับนัก Internat Marketing ใช้ปั่นเว็บได้โดยไม่โดนแบน, การนำโปรแกรมไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆที่คาดไม่ถึง.. 
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะทะยอยลงข้อมูลให้ทราบตลอดผ่านบล็อกนี้อย่างแน่นอน โปรดติดตาม..
สำหรับใครที่สนใจสั่งซื้อ Hide My Ass! Pro VPN เชื่อว่าหลังจากอ่านบนความนี้จะสามารถซื้อมาใช้งานได้กันแล้ว และการใช้งาน Internet หลังจากนี้ก็จะไม่มีขีดจำกัดกันอีกต่อไป

Labels:

Protocol ที่เกี่ยวข้องกับ Tunnel


การสร้าง Tunnel มี Protocol ที่เกี่ยวข้องคือ
  • Carrier Protocol เป็น protocol ที่มีตัวนำข้อมูลส่งไปยังระบบ network จะใช้ส่งข้อมูลผ่านอุโมงค์ โดยจะเป็นตัวส่ง Encapsulate โปรโตคอลไปยังปลายทาง
  • Encapsulating Protocol เป็น protocol ที่มีการจัดการ จัดกลุ่มของข้อมูล ก่อนและหลังส่งไปยัง ระบบ network เช่น PPTP, IPSec, L2TP และ GRE ข้อมูลที่ถูกส่งทั้งหมดจะถูกใส่ผ่าน Packet ของโปรโตคอลต่างๆ
  • Passenger Protocol เป็น protocol ที่รับข้อมูล เมื่อข้อมูลถูกส่งไปถึงยังผู้รับ เช่น IPX, NetBeui, IP ทำให้การส่งข้อมูลที่ไม่สามารถส่งข้อมูลไปบนอินเตอร์เน็จ สามารถส่งได้โดยการสร้างระบบ virtual network ทำให้ปลายทางเสมือนเป็นเน็ตเวิร์คเดียวกัน ทำให้สามารถทำสิ่งต่างๆที่ระบบเน็ตเวิร์คทำได้

Labels:

Tunneling การส่งข้อมูลของ VPN

การทำงานหลักๆของ VPN ก็คือการส่งข้อมูลผ่านอุโมงค์ข้อมูล (Tunnel) ไปสู่ระบบเน็ตเวิร์คปลายทาง เนื่องจากอุโมงค์ข้อมูลที่ส้รางขึ้นนั้นสร้างผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) และการส่งข้อมูลต้องมีการจัดการ Packet ต่างๆให้ผ่านไปตามอุโมงค์อย่างถูกต้อง การสร้าง Tunnel นั้นประกอบด้วย รูปแบบโปรโตคอล (Protocol) 3 แบบ คือ

  • Carrier protocol
  • Encapsulating protocol
  • Passenger Protocol

Tunneling มีความสัมพันธ์กับอินเตอร์เน็ต โดยใช้อินเตอร์เน็ต เป็นส่วนของเครือข่ายความปลอดภัยส่วนตัว "tunnel" เป็นเส้นทางเฉพาะที่ให้ข่าวสาร หรือไฟล์ของบริษัทเดินทางผ่านอินเตอร์เน็ตโปรโตคอล หรือกลุ่มของกฏการสื่อสารที่เรียกว่า Point-to-Point Tunneling Protocol ได้รับการเสนอขึ้นในการสร้าง virtual private network โดยผ่าน "tunnel" บนอินเตอร์เน็ต ซึ่งหมายความว่าบริษัทอาจจะไม่จำเป็นต้องมี lease line ของตัวเอง สำหรับการสื่อสารในพื้นที่กว้างแต่สามารถใช้เครือข่ายสาธารณะได้ PPTP สนับสนุนโดย Microsoft และบริษัทอื่น และ Layer 2 Forwarding ซึ่งเสนอโดย CISCO system เป็นข้อเสนอหลัก สำหรับมาตรฐานใหม่ของ Internet Engineering Task Force (IETF) โดย PPTP ซึ่งเป็นส่วนขยายของโปรโตคอล Point-to-Point Protocol ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สนับสนุน PPP client จะสามารถใช้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตอิสระ ในการเชื่อมต่ออย่างปลอดภัย กับเครื่องแม่ข่ายของบริษัทในทุกที่

Labels:

ทำความรู้จักโปรแกรม Hide My Ass! Pro VPN


Hide My Ass! Pro VPN

Hide My Ass! Pro VPN เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอย่างไร้ร่องรอยด้วยโปรแกรม VPN ที่สามารถติดตั้งการใช้งานได้ทั้งคอมพิวเตอร์ที่เป็น Windows, Mac, Linux และยังรองรับการใช้งานผ่านมือถือ Apple ที่เป็น iOS และ Android อีกด้วย แถมยังติดตั้งเข้ากับ Routers ต่างๆได้อย่างไม่มีปัญหา ทำให้การเข้าในงานอินเตอร์เน็ตของคุณปลอดภัยและน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น..

การใช้งานนั้นแสนง่ายเพียงแค่ติดตั้งโปรแกรมแล้วก็กดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ก็สามารถเชื่อมต่อการใช้งานได้แล้ว ไม่ได้มีเทคนิคอะไรให้ยุ่งยาก และภายใต้เชื่อมต่ออย่างไร้ร่องรอยที่มี IP addresses ที่ใช้เชื่อมต่อกว่า 4200+ ไอพีกันเลย ทั้งยังตั้งอยู่ใน 53 ประเทศ

ทำไมต้องเป็น VPN ของ Hide My Ass ?

ถ้าคุณเป็นคนที่อยากเข้าใช้งานเว็บต่างประเทศโดยไม่โดนปิดกันนี้เป็นทางเลือกที่คุณคิดไม่ผิด เพราะเป็นประโยชน์มาก เพราะในปัจจุบันนี้มีหลายๆเว็บไซต์ หลายๆส่วนต่างๆ ที่มีการจำกัดการเข้าใช้งานที่มีข้อห้ามประเทศไทยเข้าไปใช้งาน โดยประสบการณ์ส่วนตัวผมเองนั้นรู้สึกไม่เป็นธรรมและมองหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ และ Hide My Ass! Pro VPN นี้ละเป็นทางเลือกที่ผมได้สำผัสและคุณภาพดีในราคาไม่แพงเลย

Hide My Ass! Pro VPN


คุณสมบัติแนะนำ
  • รันด้วย VPN Server กว่า 359 ตัว ใน 53 ประเทศ
  • สามารถเลือกใช้ IP ที่มีให้เลือกมากกว่า 4200+ ไอพี
  • รองรับการทำงาน protocols ทั้ง OpenVPN, PPTP และ L2TP
  • ตัวโปรแกรมสามารถโหลดมาติดตั้งใช้งาน ฟรี! เสียแค่ค่าเชื่อมต่อเป็นรายเดือน, ครึ่งปี และ 1 ปี
  • รองรับการใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น Windows, Apple และยังสามารถใช้งานบนมือถือหรือแท็บแล็ตได้อีกด้วย
  • ไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา (เปิดทิ้งไว้ทั้งวันยังได้ เปิดปิดตามใจ)
  • ที่สำคัญหากไม่พอใจสามารถขอเงินคืนได้ภายใน 30 วันหลังจากเปิดใช้งาน
  • การชำระเงินสามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตต่างๆ และ Paypal,

Hide My Ass! Pro VPN มีประโยชน์ยังไง?

  • เพิ่มความปลอดภัยออนไลน์ของคุณ - การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทุกครั้งจะมีการป้องกันการถูกแฮกเกอร์และมีการเข้ารหัสการเชื่อมต่อทุกครั้งที่คลิกหน้าเว็บหรือส่งข้อความต่างๆที่ใช้งานผ่านเครือข่ายนั้นเอง (เหมาะมากที่สุกสำหรับผู้ที่ชอบใช้งานเครือข่ายที่เป็นสาธารณะ เช่น Free Wi-Fi ต่างๆ) 
  • ปกปิดตัวตนบนโลกอินเตอร์เน็ต - เมื่อเชื่อมต่อ VPN แล้วนั้น การเข้าไปใช้งานต่างๆบนโลกอินเตอร์เน็ตจะถูกซ่อนไอพีจริงของคุณ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถระบุที่อยู่หรือตำแหน่งที่แท้จริงของคุณได้ว่ามีการส่งข้อความ แชท หรือโพสข้อความบนหน้าเว็บไซต์ต่างๆจากประเทศไหนนั้นเอง 
  • ระดับความปลอดภัยที่ใช้เป็นระดับสูงสุดแบบรัฐบาล - สำหรับ Hide My Ass! Pro VPN นั้น ได้มีการเข้ารหัสสำหรับเชื่อมต่อข้อมูลต่างๆ โดยได้รับการไว้วางใจจากรัฐบาลทั่วโลก  
  • ก้าวข้ามขีดจำกัดการมองเห็น - บอกลาได้ได้สำหรับการโดยเว็บต่างประเทศที่ห้ามไอพีของประเทศไทย เพราะไม่มีข้อจำกัดเรื่องนี้ สามารถเข้าได้ทุกเว็บที่มีข้อจำกัดไว้ ไม่มีติดขัดแม้แต่นิดเดียว
  • ทำงานได้กับทุกโปรแกรมที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต - นี่เป็นข้อเด่นอีกข้อที่ทำให้คุณมีอิสระมากขึ้นเพราะ แตกต่างจากการใช้งาน Web Proxy ทั้วไปที่จะใช้งานได้เพียงบางโปรแกรมเท่านั้น และยังกำหนดได้อีกด้วยว่าโปรแกรมไหนให้ทำงานผ่าน VPN โปรแกรมไหนให้เชื่อมต่อกับ IP เครื่องจริง! 
  • เปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันเป็นต่างประเทศ - คุณสามารถเลือกประเทศได้จาก 53 ประเทศว่าจะเลือกเข้าใช้งานจากประเทศไหนง่ายๆเพียงชั่วพริบตา..
  •  ใช้งานง่ายๆกว่าที่คุณคิด - ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องมีเทคนิคให้ซับซ้อน เนื่องจากตัว Software ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานง่าย เพียงแค่ กรอก Username (ชื่อผ้ใช้งาน) และ Password (รหัสผู้ใช้งาน)

ซื้อโปรแกรม Hide My Ass! Pro VPN คลิก!


  ศึกษาข้อมูล "ขั้นตอนการซื้อ Hide My Ass! Pro VPN" คลิก! เพื่ออ่านรายละเอียด..

Labels:

Extranet VPN มีไว้ทำอะไร?

Extranet VPN เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Internet-based VPN, Concept ของการติดตั้ง Extranet VPN นั้นเหมือนกับ Intranet VPN ส่วนที่ต่างกันก็คือ Users, Extranet VPN จะสร้างไว้เพื่อ Users ประเภทลูกค้า, ผู้ผลิต, องค์กรต่างองค์กรที่ต้องการเชื่อมต่อกัน หรือว่าองค์กรที่มีหลายสาขา

Internet Security Protocol (IPSec) ถูกใช้โดยยอมรับเป็นมาตรฐานของ Extranet VPN

Extranet VPN

Labels:

Intranet VPN คืออะไร มีข้อดีอย่างไร

Intranet VPN


Intranet VPN จะเป็นการสร้าง Virtual circuit ระหว่าง Office สาขาต่างๆ ขององค์กร เข้ากับ ตัวองค์กร หรือว่า ระหว่างสาขาต่างๆ ของ Office เข้าด้วยกัน จากเดิมที่ทำการเชื่อมต่อโดยใช้ Leased Line หรือ Frame relay  จะมีราคาสูง หากใช้ Intranet VPN จะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า

สิ่งสำคัญของ Intranet VPN ก็คือ การ Encryption ข้อมูลที่ต้องมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องข้อมูล ระหว่างที่ส่งผ่านระบบเครือข่าย สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต้องให้ความสำคัญกับ Applications ประเภท Sale และ Customer  Database Management, Document Exchange, Financial Transactions และ Inventory Database Management

โครงสร้างของ IP WAN ใช้ IPSec หรือ GRE ทำการสร้าง Tunnel ที่มีความปลอดภัย ระหว่างเครือข่าย

ข้อดีของ Intranet VPN ก็คือ

  1. ลดค่าใช้จ่ายจาก WAN Bandwidth, ใช้ WAN Bandwidth ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. Topologies ที่ยืดหยุ่น
  3. หลีกเลี่ยงการเกิด Congestion โดยการใช้ Bandwidth management traffic shaping

Labels:

รูปแบบของ VPN มีอะไรบ้าง?

  1. Remote-access หรือ Remote Access VPN  ซึ่งสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า VPDN (Virtual Private Dial-up Network) เป็นการติดต่อภายในเครือข่ายเดียวกันเช่น พนักงานของบริษัทสามารถติดต่อกับอีกเครือข่ายของบริษัทที่อยู่ไกลออกไปได้ ซึ่งบริษัทจะทำการสร้างระบบให้ใหญ่ เพื่อสร้าง ESP (Enterprise Service Provide) และ ESP จะทำการสร้าง NAS ( Network Access Server ) และใช้ S/W ของเครื่อง VPN Client ภายในเครือข่ายเพื่อทำการติดต่อเข้าไปในเครือข่ายบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานหลายร้อยคนควรใช้แบบ Remote-access เพราะมีการรักษาความปลอดภัยที่ดี


    การทำงานแบบ Remote-access ที่สำนักงานจะต้องมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เนตตลอดเวลาและลงโปรแกรม VPN Server/Gateway ไว้เพื่อรับการติดต่อ โปรแกรมที่เป็นที่นิยมได้แก่ Checkpoint firewall-1 หรือ VPN-1 ทำหน้าที่รับ และตรวจสอบการเชื่อมต่อจากเครื่องลูกข่าย สำหรับเครื่องลูกข่ายก็จะลงโปรแกรม VPN Client ซึ่งจะติดต่อกับเครื่องแม่ข่ายเพื่อเข้าใช้งาน เครือข่ายและต้องสามารถต่อเชื่อมอินเตอร์เนต
  2. Site-to-Site หรือ LAN-to-LAN connectivity เป็นการติดต่อกันระหว่างเครือข่ายหลายเครือข่ายเช่น บริษัทสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ ต้องการติดต่อกับบริษัทสาขาที่เชียงใหม่ เป็นต้น โดยจะเชื่อมต่อผ่านทางเครือข่ายสาธารณะ ซึ่งแบบ Site-to-Site แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ 2.1. Intranet-based เป็นการติดต่อกันภายในเครือข่ายเดียวกันแต่อยู่ห่างกันมาก เช่น การติดต่อกันระหว่างสำนักงานที่กรุงเทพฯ กับสำนักงานที่อยู่ต่างจังหวัด เสมือนกับ การทดแทน การเช่าวงจรลีสไลน์ ระหว่าง กรุงเทพกับต่างจังหวัด โดยที่แต่ละสาขาสามารถต่อเชื่อมเข้ากับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ในท้องถิ่นของตน เพื่อเชื่อมเข้า โครงข่าย VPN ขององค์กรอีกทีหนึ่ง ซึ่งในการเชื่อมต่อกันแบบ Intranet ควรเป็นเครือข่ายแบบ LAN ต่อกับ LAN 2.2. Extranet-based เป็นการติดต่อระหว่างเครือข่ายของเรากับเครือข่ายอื่น ๆ เช่น เครือข่ายของ ลูกค้า, ผู้ผลิต เป็นต้น เราจะใช้ Extranet ในการติดต่อเครือข่าย LAN ของเรากับเครือข่าย LAN อื่น ๆ เพื่อทำงานร่วมกัน เช่น สามารถใช้ข้อมูลหรือทรัพยากรต่าง ๆ ร่วมกันจุดสำคัญอย่างหนึ่ง ในการเลือกติดตั้ง VPN คือการเลือก ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่วางระบบรักษาความปลอดภัย เป็นอย่างดี มีส่วนอย่างมาก ในการส่งข้อมูลบน VPN ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะถ้า ไอเอสพี มีระบบรักษาความปลอดภัย ที่รัดกุม ก็จะช่วยให้ ข้อมูลที่ส่งมา มีความปลอดภัยมากขึ้น
    LAN-to-LAN connection



Labels:

Private network แตกต่างจาก Public Network อย่างไร?

Private network คือเครือข่ายภายในของแต่ละบริษัท (Public Network คือเครือข่าย สาธารณะเช่น Internet) Private network เกิดจากการที่บริษัทต้องการเชื่อมเครืข่ายของแต่ละสาขา สำนักงาน เข้าด้วยกัน (กรณีพวกที่เชื่อมต่อด้วย TCP / IP เลขที่ IP ก็จะกำหนดเป็น 10.xxx.xxx.xxx หรือ 192.168.xxx.xxx หรือ 172.16.xxx.xxx) ในสมัยก่อนจะทำการเชื่อมต่อด้วย leased line หลังจากที่เกิดการเติบโตของการใช้งาน Internet และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การปรับปรุงในเรื่อง ความเร็วของการเชื่อมต่อ ทำให้เกิดแนวคิดในการแทนที่ leased line หรือ Frame Relay ซึ่งมีราคาแพงด้วย Internet ที่มีราคาถูกกว่า แล้วตั้งชื่อ Virtual Private Network 

Private Network เน็ตเวิร์กส่วนตัว ซึ่งถูกแบ่งแยกออกมาจาก Public Network ตัว Public Network หรือที่เรียกว่า Internet หรืออภิมหาเครือข่าย ซึ่งต่อโยงเป็นใยกันไปทั่วโลกนั้นเองโดยปกติ

การต่อโยงของคอมพิวเตอร์ใน Public Network นั้นใช้โพรโตคอล TCP/IP ซึ่งเป็น Unique คือ  เป็นกฎตายตัวว่าอุปกรณ์เครือข่าย (Network Device) แต่ละตัว ต้องมีเลข IP ที่ไม่ซ้ำกัน ถ้าซ้ำกัน ก็จะใช้งานไม่ได้เลย การเติบโตของกลุ่มเครือข่ายส่วนตัว (Private Network) ทำให้ต้องมีการกำหนด IP Address เฉพาะ ซึ่งเป็นข้อตกลงสากลที่กลุ่มเครือข่ายส่วนตัว (Private Network) สามารถนำเลข IP เหล่านี้ไปใช้ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะซ้ำกับใคร

IANA ที่เป็นองค์กรกำหนดนโยบายเกี่ยวกับเน็ตเวิร์ก ตาม rfc 1918 ของ IANA ว่าด้วย private ip ที่มีให้ใช้อยู่ มีระบุดังตารางต่อไปนี้



อย่างไรก็ตาม จากเอกสารกำหนดจัดการ Router ของ 3com (OfficeConnect) ซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิง จากคู่มือการกำหนดค่าของเราต์เตอร์ ,IP Sharing ของอุปกรณ์เครือข่าย ยี่ห้อ 3COM เลข IP ที่นำไปใช้ได้มีดังตารางต่อไปนี้


จะเห็นว่าทั้งสองตารางนั้นแตกต่างกัน ตารางแรกนั้นเป็นไปตามข้อกำหนดของ IANAแต่ตาราง ที่สองเป็นไปตามข้อกำหนด ของการติดตั้งระบบเครือข่ายเวลาใช้งานจริง จะเห็นว่าเลข 0 กับ 255 จะไม่ค่อยมีการกำหนดการใช้งาน ก็มีหลากหลายครับ กลุ่มที่นิยมในการใช้งานก็มีทั้ง 10 , 169 , 192 โดยมากจะเป็น 10 กับ 192 ที่นิยมกัน แล้วแต่องค์กร ถ้าขนาดเล็กก็ใช้ 192 แต่ถ้าขนาดใหญ่ก็ใช้ 10 นอกจากนี้จะมีกลุ่มหมายเลข 169.254.0.1- 169.254.254.254 ขึ้นมาด้วยซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่สอด คล้องตามข้อกำหนดของ IANA แต่ก็ถูกนำมาใช้ เพราะกลุ่มเลขดังกล่าวไม่มีการไปใช้กับอุปกรณ์เครือข่ายใดๆ

เวลาที่ต้องการติดตั้ง VPN (Virtual Private Network) โดยมาก ถ้าเอาตาม<ความถูกต้องและความเคยชินแล้ว เขาก็ มักจะใช้ค่า IP เหล่านี้ในการกำหนดของแต่ละกลุ่มกัน แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ทำตามนี้จะเกิดความเสียหายอะไรหรือไม่ คำตอบ ก็คือ โดยมากไม่พบว่าเกิดความเสียหาย เพราะโดยส่วนใหญ่การต่อเชื่อมเข้าใช้งานบรรดาเครือข่ายสาธารณะ (Public Network) จะมีอุปกรณ ์เราต์เตอร์ในการแปลงหมายเลข IP โดยใช้เทคโนโลยี NAT (Network Address Transferring) กันอยู่แล้ว แต่ทางที่ดี เพื่อป้องกันปัญหาทั้งหมด ควรใช้เลข IP ที่กำหนดไว้ดังตารางข้างบนดีกว่า แต่ปัญหาจะเกิดขึ้น เมื่อซื้ออุปกรณ์ต่อ เชื่อมอินเทอร์เน็ตพวก SOHO อย่าง 3COM OfficeConnect , Intel Internet Station ส่วนใหญ่อุปกรณ์เหล่านี้จะกำหนด มาเป็นมาตรฐานว่าตัว Gateway และตัว DHCP จะกระจายค่า IP ในกลุ่ม Private IP นี้ให้กับ Client อยู่แล้ว ซึ่งไม่ควร ไปเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ที่มา : http://www.siamvision.com/en/it/it_detail.php?header_news=Private%20Network%20%A4%D7%CD%CD%D0%E4%C3&news_id=184

0 comments
Labels:

Virtual Private Network (VPN) คืออะไร?



Virtual Private Network (VPN) หมายถึง เครือข่ายเสมือนส่วนตัว ที่ทำงานโดยใช้ โครงสร้างของเครือข่ายสาธารณะ หรืออาจจะวิ่งบนเครือข่ายไอพีก็ได้ แต่ยังสามารถคงความเป็นเครือข่ายเฉพาะ ขององค์กรได้ด้วยการเข้ารหัส package ก่อนส่ง เพื่อให้ข้อมูลมีความปลอดภัยมากขึ้น VPN เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเครือข่ายนอกอาคาร (WAN-Wide Area Network) ที่กำลังเป็นที่สนใจและเริ่มนำไปใช้ในหน่วยงานที่มีหลายสาขา หรือ มีสำนักงานกระจัดกระจายอยู่ในหลายภูมิภาค ในระบบ VPN การเชื่อมต่อระหว่างสำนักงานโดยใช้เครือข่าย Internet แทนการต่อเชื่อมด้วย Leased line หรือ Frame Relay

อย่างไรก็ดี คำว่า VPN จะครอบคลุมทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ (เช่น Gateway และ Router), ซอฟต์แวร์ และส่วนที่เป็นไฟร์วอลล์  การเข้ารหัสแพ็กเก็ต เพื่อทำให้ข้อมูล มีความปลอดภัยนั้น ก็มีอยู่หลายกลไกด้วยกัน ซึ่งวิธีเข้ารหัสข้อมูล (encryption) จะทำกันที่เลเยอร์ 2 คือ Data Link Layer แต่ปัจจุบัน มีการเข้ารหัสใน IP Layer โดยมักใช้เทคโนโลยี IPSec (IP Security)  ปกติแล้ว VPN ถูกนำมาใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีสาขาอยู่ตามที่ต่างๆ และต้องการ ต่อเชื่อมเข้าหากัน โดยยังคงสามารถ รักษาเครือข่ายให้ใช้ได้เฉพาะ คนภายในองค์กร หรือคนที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ลูกค้า, ซัพพลายเออร์ เป็นต้น  นอกจากนี้แล้ว กลไกในการสร้างโครงข่าย VPN อีกประเภทหนึ่ง คือ MPLS (Multiprotocal Label Switch) เป็นวิธีในการส่งแพ็กเก็ต โดยการใส่ label ที่ส่วนหัว ของข้อความ และค่อยเข้ารหัสข้อมูล จากนั้น จึงส่งไปยังจุดหมายปลายทาง เมื่อถึงปลายทาง ก็จะถอดรหัสที่ส่วนหัวออก วิธีการนี้ ช่วยให้ผู้วางระบบเครือข่าย สามารถแบ่ง Virtual LAN เป็นวงย่อย ให้เป็น เครือข่ายเดียวกันได้  ตัวอย่างเช่น บริษัท A ก็จะได้ VPN label A ที่หัวข้อความ ของทุกแพ็กเก็ต บริษัท B ได้รหัสที่หัวข้อความเป็น B เพื่อส่งข้อมูล ข้อมูลที่ส่งออกไป ก็จะวิ่งไปหาปลายทางตาม Label ของตน ซึ่งผู้วางระบบ สามารถเพิ่มกลุ่มในวง VLAN ได้อย่างไม่จำกัด

ที่มา : http://www.vcharkarn.com/varticle/17748 

 
VPN Hide IP © 2012-2013 | Designed by Plantillas Blogger | ข่าวไอที โดย ไอทีเมามันส์